You are What you eat...กินอย่างไรก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น

You are What you eat....กินอย่างไรก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น

      ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลเสมอ เคยคิดหรือไม่ว่าอาหารที่รัประทานมีคุณค่าทางโภชนาการมากพอหรือไม่ จากภาวะที่เร่งรีบของสังคมในปัจจุบันต้องทำงานแข่งกับเวลา ทำให้คนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีเวลาประกอบอาหารเองที่บ้าน
จึงนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอาหารฟาสต์ฟู้ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากมีปริมาณไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง แต่มีใยอาหาร วิตามิน และเกลือแร่น้อยมาก หากรับประทานเป็นประจำ
จะทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และนำไปสู่การเพิ่มอัตราเสี่ยงของโรคต่างๆมากมาย อาทิเช่น
โรคอ้วน  โรคหัวใจ  โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น นอกจากนี้ความเครียด มลภาวะอากาศเสีย จะยิ่งทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงก่อนวัยอันควร โดยเลือกรับประทานอาหารที่อุดม
ไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าเพื่อช่วยในการต่อต้านโรคต่างๆ ดังนี้

ดวงตา
-  สับปะรด
    มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตาหลังนั่งทำงานมาทั้งวัน

-  โรสแมรี่    ช่วยทำความสะอาดและช่วยให้เลือดไหลเวียนที่ดวงตาได้ดี
-   เก๋ากี้          มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และแร่ธาตุที่สำคัญๆ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากมายมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสารทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด

สมอง
-  ถั่ว Linsen 
   มีโปรตีน  คาร์โบไฮเดรต  และเลซิติน  ให้พลังงานแก่เซลล์สมอง ถั่วลินเซ็นนั้นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดียและเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยมนำมาทำเป็นซุปรับประทานกัน

-  ข้าวโอ๊ต         มีกรดฟีนอลที่จะช่วยเรื่องความทรงจำที่ดี
-  อะโวคาโด      มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียดนอนไม่หลับ
-  กล้วย            มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง  มีน้ำตาลกลูโคส  วิตามิน และเกลือแร่ในการให้พลังงานแก่สมอง


หัวใจ
        หัวใจเป็นอีกโรคหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับเรื่องอาหารการกินค่อนข้างมาก  ถ้าในแต่ละมื้อประกอบด้วยอาหารจาก 8 กลุ่ม
ต่อไปนี้ ก็จะเป็นการช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อีกทางหนึ่ง

-  ใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง เช่น น้ำมันมะกอก  น้ำมันรำข้าว  ประกอบอาหารแทนน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง  อย่างน้ำมันมะพร้าว  น้ำมันปาล์ม  จะช่วยลดคอเลสเตอรอลลงได้โดยไม่ลดคอเรสเตอรอลตัวดี
-  ผักและผลไม้หลากสี จะให้สารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของ
ไขมันเลวว ที่จะทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้น จนเป็นสาเหตุของหลอดเลือดหัวใจตีบได้
-  ไฟเบอร์ที่ได้จากธัญพืชที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง  ข้าวโอ๊ต 
ข้าวสาลี รวมทั้งซีเรียลจากธัญพืชต่างๆ และขนมปังโฮลวีทจะช่วยให้หัวใจแข็งแรง และป้องกันความเสี่ยงจากโรคหัวใจวายได้มากกว่าไฟเบอร์จากผักและผลไม้

-  ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วลิสง  อัลมอนด์  วอลนัท นอกจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวค่อนข้างสูงที่ช่วยลด ไขมันเลวแล้วยังมีกรดอะมิโนอาร์จินีนสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างการทำงานของหลอดเลือดและช่วยลดความดันเลือดได้ดี
-  วิตามินอีจากอาหารธรรมชาติ จะทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีในรูปอาหารเสริม ช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันเลว จึงช่วยลดความเสี่ยงของการอุดตันในผนังหลอดเลือดแดง อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ อะโวคาโด  
ผักสีเขียวแก่   ธัญพืชไม่ขัดสี  และน้ำมันพืช โดยเฉพาะ
น้ำมันรำข้าว มีวิตามินอีถึง 2 กลุ่ม คือ โทโคฟีรอลและ
โทโคไตรอีนอล

-  สมุนไพรและเครื่องเทศ  เช่น กระเทียมสด  จะมีสารอัลลิซิน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด  และสารแคปไซซินในพริกจะช่วยชะลอการเกาะตัวของลิ่มเลือด และเพิ่มการละลายลิ่มเลือด  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย
-  อาหารที่มี Plant Sterols หรือ Phytosterols สูง ได้แก่ ธัญพืชและถั่วต่างๆ เช่น งา  จมูกข้าว  เมล็ดทานตะวัน 
ถั่วพิสตาชิโอ รวมทั้งน้ำมันพืชบางชนิดอย่างน้ำมันรำข้าวปริมาณเพียง 1 ช้อนโต๊ะจะมี Phytosterols สูงถึง 250 มิลลิกรัม ซึ่ง Phytosterols จะช่วยลดการดูดซึมคอเรสเตอรอลในลำไส้เล็ก ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลรวมและไขมันเลวลดลง

อาหารต้านโรค
-  ธัญพืชชนิดต่างๆ  เป็นแหล่งของเส้นใยอาหาร การรับประทานธัญพืชเป็นประจำจะช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจวาย  โรคมะเร็งลำไส่ใหญ่  โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิต
-   บลูเบอร์รี่   เป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระ  ช่วยป้องกันการอักเสบและการเกิดออกซิเดชั่นที่เป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดโรคจากความเสื่อมต่างๆ เช่น โรคหัวใจ  โรคมะเร็ง  และโรคความจำเสื่อม
-   กีวี     ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี  วิตามินเอ  เกลือแร่ 
โปตัสเซียม  แมกนีเซียม  และเส้นใยอาหาร  นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง

-  ถั่วเหลือง   และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง  เช่น  เต้าหู้ 
นมถั่วเหลือง  อุดมด้วยสารไฟโตเอสโตรเจน  ที่ช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตัวในหญิงวัยหมดประจำเดือน  และยังช่วยลดอัตราสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ 
โรคความจำเสื่อม  และโรคกระดูกพรุนได้
-  มะเขือเทศ    อุดมด้วยสารไลโคฟีนที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี 3   วิตามินซี  เบต้าแคโรทีน  และเส้นใยอาหาร
-  โยเกิร์ต  มีโปรไบโอติค  แบคทีเรีย  ที่ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก และยังช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่นอกจากนี้โยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยแคลเซียม  ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน  และป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
-  กินแป้งเสี่ยงโรคหัวใจ    งานวิจัยจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศอิตาลี  ระบุว่า  ผู้หญิงที่บริโภคอาหารจำพวกแป้งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าผู้ชาย  เนื่องจากร่างกายของ
ผู้หญิงสามารถดูดซึมแป้งได้ทั้งหมดตามที่ร่างกายได้รับจากนั้นจะผ่านกระบวนการย่อยจนกลายเป็นน้ำตาลและถูกดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือด ในขณะที่ร่างกายผู้ชายจะดูดซึมแป้งได้ช้ากว่า 
โดยเฉพาะผู้หญิงที่กินอาหารอาหารประเภทแป้งเป็นประจำ  จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าปกติถึง  2  เท่า

-  ขิงลดอาการปวดเมื่อย   ขิงเป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์หลายอย่าง  ทั้งแก้คลื่นไส้  ลดอาการไอ  แก้เจ็บคอ  ขับลม  เป็นต้น ล่าสุดมีการค้นพบว่าการรับประทานขิงเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการทำงานหรืออกกำลังกายได้อย่างดี และไม่ว่าจะกินขิงดิบๆหรือขิงสุกแล้วก็ให้ผลไม่ต่างกัน  เพราะนอกจากจะลดอาการปวดแล้วสุขภาพยังดีอีกด้วย

ที่มา http://www.rvpprinting.com/products/view.php?id=112

รูปภาพ
Top